วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การดูแลสุนัขตั้งครรภ์


ดูแลลูกสัตว์ทั้งในครรภ์และหลัง คลอด

หากจะบอกว่าการดูแลลูกสัตว์ต้องเริ่มตั้งแต่ยังอยู่ในท้องก็คงไม่ผิดนัก เนื่องจากลูกสัตว์ต้องการสารอาหารที่ถ่ายทอดมาจากของแม่โดยตรง ซึ่งจะดีหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการเลือกอาหารรวมถึงวิธีการให้อาหารของผู้เลี้ยงเอง
จวบจนถึงวันที่ลูกสุนัขและแมวได้ออกมาสูด อากาศ ลูกสุนัขและแมวก็เริ่มต้องการสารอาหารจากแม่ ก็คือน้ำนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงนั่นเอง สารอาหารและภูมิคุ้มกันต่างๆ ที่อยู่ในน้ำนม (โดยเฉพาะนมน้ำเหลือง) ซึ่งจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอาหารที่เราได้ให้เค้าตลอดช่วงตั้งท้องจนถึง ช่วงให้นม ดังนั้นเราต้องให้อาหารที่มีพลังงาน โปรตีน วิตามิน แคลเซียม หรือแม้แต่ DHA แก่แม่สัตว์อย่างเพียงพอ สารอาหารที่ยกตัวอย่างมานี้ล้วนมีความสำคัญตลอดช่วงตั้งท้องและให้นม ทั้งในด้านความแข็งแรง การเจริญเติบโต และพัฒนาการของลูกๆ โดยสามารถให้อาหารสูตรลูกสุนัขที่ย่อยและดูดซึมง่าย มีโปรตีนและแคลเซียมสูง รวมถึง DHA ที่ผ่านทางน้ำนมได้

หลังจากลูกสัตว์อายุได้ ประมาณ 6-8 สัปดาห์ก็ควรเริ่มให้อาหารเม็ดสำหรับลูก สุนัข โดยในช่วงแรกอาจให้อาหารปริมาณเล็กน้อยผสมลงในนมเพื่อปรับสภาวะของทางเดิน อาหาร แล้วจึงค่อยๆ ลดการให้นมในที่สุด ซึ่งเจ้าของควรฝึกให้ลูกสุนัขชินกับอาหารเม็ดจะดีที่สุด เนื่องจากเป็นอาหารที่สะดวกในการให้และยังมีราคาถูกกว่าการให้อาหารชนิด กระป๋องที่มักมีราคาสูงและมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่มาก อาหารกระป๋องจึงเหมาะสำหรับให้ในกรณีที่หัดให้สัตว์กินอาหารเม็ดโดยการคลุก ผสมกับอาหารเม็ดเป็นต้น

เมื่อลูกสัตว์มีอายุมากขึ้น เจ้าของควรลดมื้ออาหารลงโดยลูกสุนัขอาจลดมื้ออาหารลงเหลือ 1-2 มื้อ ในช่วงอายุ 9-12 เดือน และลูกแมวลดลงเหลือ 2-3 มื้อ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้อาหารเป็นเวลา เพราะจะช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติและยังขับถ่ายเป็นเวลาอีกด้วย

ในกรณีที่แม่บางตัวไม่ค่อยดูแลลูก เจ้าของอาจต้องช่วยทั้งการให้นม เช็คตัวรวมถึงการกระตุ้น การขับถ่าย หากพบว่าลูกสัตว์ไม่ถ่ายหรือเราอยากหัดให้เค้าถ่ายเป็นที่เป็นทาง เราสามารถพาเค้าไปยังบริเวณที่จัดไว้ให้ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดกระตุ้นบริเวณก้น ซึ่งจะเหมือนกับการกระตุ้นจากแม่ของเค้านั่นเอง ข้อควรจำในการดูแลลูกสัตว์

  • หากมีการปรับเปลี่ยนอาหารต้อง ค่อยๆ เปลี่ยน ห้ามเปลี่ยนแบบกะทันหัน
  • ให้อาหารเป็นเวลา
  • มีน้ำสะอาดตลอดเวลาและควรเปลี่ยน น้ำอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
  • ล้างชามอาหารและภาชนะใส่น้ำทุก ครั้ง
  • อย่าให้อาหารครั้งละมากๆ จนเกินไป และห้ามให้อาหารของคนโดยเด็ดขาด
  • ช่วงที่อายุน้อยเป็นช่วงที่ฝึกได้ ง่าย และเรียนรู้เร็วที่สุด

เลือกอาหารที่เหมาะกับอายุ และขนาด รวมถึงอาหารที่มีคุณภาพดีเพื่อภูมิคุ้มกันและการเรียนรู้ของเค้า

ที่มา: http://www.petnutritioncenter.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น