วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สำคัญแค่ไหนที่เราต้องเข้าใจกันและกัน

ตั้งแต่แวบแรกที่คิดจะเลี้ยงน้องหมา คุณต้องทำใจแล้วว่า นอกจากการเรียนรู้ทักษะด้านวิชาชีพ และทักษะการใช้ชีวิตให้มีความสุขในสังคมแล้ว คุณยังจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะด้านการสื่อสารระหว่างคนกับสัตว์ด้วยการ พยายามทำความเข้าใจถึง พฤติกรรมตามธรรมชาติของเขา เริ่มสังเกตุอาการตั้งแต่วันแรกที่พ แล้ววิเคราะห์ว่าสิ่งใดที่ควรส่งเสริม และสิ่งใดที่ควรเร่งปรับพฤติกรรม

ปัจจุบันนี้น้องหมาหลาย ๆ บ้าน อยู่กันอย่างสุขสบาย ด้วยเพราะสภาพแวดล้อมที่เอื้อพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หลายครอบครัวดูแลน้องหมาเหมือนเป็นสมาชิกคนสำคัญของครอบครัวเลี้ยงเป็นลูก อุ้มเป็นหลาน ฝึกให้เป็น พี่ชายพี่สาวของเด็กจริง ๆ แล้วเนื่องจากที่น้องหมาเป็นสัตว์ที่มีความสามารถในหารเรียนรู้และจดจำได้ ดี เขาจึงเข้ากับเด็กและสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้ง่ายดายเป็นธรรมชาติ นักจิตวิทยาหลายท่านจึงกล่าวว่า น้องหมานคล้ายกับเด็กที่ต้อง การความรัก ความอบอุ่น ต้องการเป็นที่ยอมรับ และอยากเป็นส่วนสำคัญเสมอ น้องหมาพยายามเรียยนรู้ถึงความต้องการของคนและปรารถนาจะให้คนได้รู้ถึงความ ต้องการของตัวเองบ้าง โดยการแสดงออกทางพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น การ เห่า การคราง ความขี้เล่น การแสดงความอยากรู้อยากเห็นด้วยการวิ่งนำ ดมกลิ่น หรือตื่นตัวตลอดเวลา ทั้งนี้การฝึกให้น้องหมาเรียนรู้ ขึ้นอยู่กับสภาพการเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม และปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ความพร้อมทั้งผู้เลี้ยงและน้องหมา ระยะเวลาในการฝึกฝน หรือสมรรถภาพการทำงานของสมองของเขาด้วย



อีกหนึ่งพฤติกรรมที่น้องหมามั่นใจว่าเป็นการแสดงออกถึงความภัคดีกับคนคือ การเข้ามาเลียหน้าเลียตา เพราะเขาเรียนรู้ว่าการแสดงออกถึงความรักต้องทำในลักษณะนี้ น้องหมาบางตัวนอกจากจู่ ๆ จะเข้ามาเลียหน้าเลียตาแล้ว ยัง ฉลาดพอที่จะลดช่องว่างระหว่างสองเรา ด้วยการกระโจนโผเข้าหาก่อนด้วยซ้ำ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจสร้างความขุ่นมัวให้ผู้เลี้ยงบางครอบครัว เพราะมองว่าทำให้เนื้อตัวและเสื้อ้าสกปรกมอมแมม บ้างก็ลงโทษด้วยการดุเสียงดัง หรือไม่ ก็จัดการจับน้องหมาปิดประตูห้องตีกันเลยที่เดียว ทั้ง ๆ ที่น้องหมาเข้าใจว่าพฤติกรรมที่เขาทำลงไปนี้ เป็นการแสดงออกอย่างสุภาพ อ่อนโยน และพยายามจะสื่อให้เจ้าของรับรู้ถึงความรักอย่างเต็มหัวใจ

ตรงกันข้าม หากที่บ้านมีสมาชิกน้องหมาหลายตัว บางตัวร่าเริง บางตัวเซื่องซึม และไม่กระตือรือร้นเวลาพบหน้าเรา ปล่อยให้น้องหมาตัวอื่นเข้ามาประจบประแจงแทนที่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากได้รับการกอดจากคุณ เพียงแต่เขาไม่มี โอกาสที่จะเข้าไปใกล้ชิดคุณได้เร็วเท่ากับน้องหมาตัวอื่น ๆ ด่างหาก และวเมื่อลับหลัง ความอิจฉาที่อยู่ในจิตใต้สำนึกอาจทำให้น้องหมาที่เซื่อมซึมตัวเดิมกลายเป็น เจ้าหมาร้ายกาจตัวใหม่ที่พร้อมจะลุกขึ้นมากัดน้องหมาตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในรั้วเดียวกันได้

หากผู้เลี้ยงไม่มีความอดทนต่อพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของเขา หรือปล่อยเลยตามเลยแทนที่น้องหมาจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่กลับเป็นการตอกย้ำพฤติกรรมดังกล่าวให้ฝังรากลึกทำให้โอกาสในการปรับ เปลี่ยนพฤติกรรมที่ตามมาใน อนาคตมีโอกาสสำเร็จยากมากขึ้น ที่สำคัญต้องหมั่นเอาใจเขามาใส่ใจเรา วิเคราะห์ให้เป็นว่าสิ่งที่น้องหมาแสดงออก เขาต้องการจะสื่ออะไรหรือเขาปรารถนาอะไรในตัวเรา อย่าให้ทิฐิและความไม่อดทนมาเป็นอุปสรรคมรการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพราะหากพลาดแล้ว เราคงย้อนเวลากลับไปเริ่มใหม่ไม่ได้ คุณ อาจมานั่งเสียใจว่าตั้งแต่วันแรกที่พบเจอ จนถึงวันสุดท้ายที่ต้องจากกัน คุณกับน้องหมาตัวน้อย...เราทั้งคู่ยังไม่เคยแสดงคสามรักต่อกัน และที่สำคัญเราไม่เคยเข้าใจกันเลย



Credit by Dogazine ฉบับที่ 76 ประจำเดือนเมษายน 2553

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า

1. คิดว่า"ลูกสุนัขและแมว ไม่มีเชื้อพิษสุนัขบ้า"
- ความจริง : สุนัขและแมว อายุเท่าใด ก็สามารถแพร่โรคพิษสุนัขบ้าได้

2. คิดว่า "สุนัขและแมวเป็นโรคพิษสุนัขบ้าเฉพาะในฤดูร้อนเท่านั้น"
- ความจริง : สุนัขและแมวเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ทุกฤดูกาล

3. คิดว่า "หากลูกสุนัขหรือแมวที่มีอาการปกติกัด ก็ไม่น่าจะเป็นบ้า"
- ความจริง : สุนัขและแมวสามารถแพร่โรคได้ถึง 10 วัน ก่อนจะแสดงอาการ ดังนั้นหากลูกสุนัขหรือแมวกัด แม้สัตว์จะดูปกติก็อย่านิ่งนอนใจ ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน

4. คิดว่า "การฉีดวัคซีนในสุนัขและแมวจะป้องกันการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าได้ 100 %"
- ความจริง : หากสัตว์ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าอยู่แล้วแล้วอยู่ในระยะฟักตัว การฉีดวัคซีนจะไม่ได้ผล

5. คิดว่า "การฉีดวัคซีนสุนัขหรือแมว 1 ครั้ง จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต"
- ความจริง : การฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียว ยังมีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ สุนัขและแมวต้องได้รับวัคซีน 2 ครั้งในปีแรก และ 1 เข็มต่อปี

6. คิดว่า "สุนัขและแมวที่เราเลี้ยงและเคยได้รับวัคซีนมาก่อนถูกสุนัขบ้ากัด ไม่เสี่ยงต่อการติดโรค"
- ความจริง : ถ้าจะให้มั่นใจเต็มที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนซ้ำ และกักขังดูอาการอย่างน้อย 45 วัน แต่ถ้าสุนัขและแมวตัวนั้นไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน เมื่อถูกสุนัขบ้ากัด องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ทำลาย เพราะมีโอกาสติดเชื้อสูง แต่ถ้าไม่สามารถปฎิบัติตามได้ ให้ฉีดวัคซีนทันทีและกักขังดูอาการ 6 เดือน และฉีดวัคซีนซ้ำ 1 เดือนก่อนปล่อย

7. คิดว่า "มีอเฉพาะสุนัขและแมวเท่านั้นที่สามารถแพร่เชื้อพิษสุนัขบ้าสู่มนุษย์ได้"
- ความจริง : สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดก็เป็นโรคและแพร่โรคได้เช่นกัน

8. คิดว่า "การถูกกัดเท่านั้นที่สามรถทำให้ติดพิษสุนัขบ้าได้"
- ความจริง : การถูกเลียที่แผล หรือข่วนด้วยเล็บ ก็ทำให้ติดโรคและต่ยได้ เนื่องจากสุนัขและแมงเลียอุ้งเท้าและเล็บ อาจมีไวรัสจากน้ำลายติดค้างอยู่ที่เล็บ และแพร่เชื้อได้หากแผลมีเลือดออกแม้เพียงซิบ ๆ

9. คิดว่า "ถ้าถูกสุนัขกัด ให้รีบเอารองเท้าตบ ๆ หรือราดด้วยน้ำปลาจะช่วยฆ่าเชื้อได้"
- ความจริง : เมื่อถูกกัดต้องล้างแผลด้วยน้ำกับสบู่ เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นพบแพทย์ทันที เพื่อล้างแผลอีกครั้งและฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาไอโอดีน

10. คิดว่า "เมื่อถูกสุนัขและแมวที่มีเชื้อกัดจะมีโอกาสรอด แม้ไม่ได้รับการรักษา"
- ความจริง : ถ้าคนถูกกัดและมีอาการจะเสียชีวิตทุกรายภายใน 5-11 วัน แต่คนที่รอด ไม่ได้หมายความว่าคาถาดี ทั้งนี้เพราะน้ำลายไม่ได้มีไวรัสตลอดเวลา ซึ่งพบได้ 30-80 เปอร์เซนต์ หรือเฉลี่ยครึ่งต่อครึ่ง

11. คิดว่า "รอให้สุนัข แมว ที่กัดแสดงอาการหรือตายก่อน จึงค่อยพาคนที่ถูกกัดไปพบแพทย์"
- ความจริง : การฉีดยาป้องกันที่ได้ผลสูงสุด อยู่ในช่วง 48 ชั่วโมงหลังถูกกัด และถ้าแผลมีเลือกออก ไม่ว่าตำแหน่งใดของร่างกายต้องได้เซรุ่ม(อินมูโน โกลบูลิน) ชนิดสกัดบริสุทธิ์ ฉีดบริสุทธ์ ฉีดที่แผล

12. คิดว่า "การกัดคน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ถูกแหย่เป็นเครื่องแสดงว่าสุนัขหรือแมวนั้น ๆ เป็นบ้า"
- ความจริง : สุนัขและแมวที่เป็นบ้า กัดคนโดยที่แหย่หรือไม่ได้แหย่ก็ได้ เมื่อถูกกัดต้องไปรับการรักษาเช่นกัน


Credit by Dogazine ฉบับที่ 76 ประจำเดือนเมษายน 2553

อยากรู้ไหม คุณเป็นผู้ปกครองแบบไหนในสายตาน้องตูบ?

1. คุณชอบใช้เวลาว่างทำกิจกรรมใดร่วมกับน้องตูบ
A. อาบน้ำ แปรงขน ให้น้องตูบสวยกริ๊บ
B. พาน้องตูบออกไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ
C. มีความสุขกับการได้จับน้องตูบแต่งตัวให้ดูดีในแบบของคุณ

2. วันนี้คุณเกิดอาการหงุดหงิดจากนอกบ้าน เมื่อเปิดประตูเข้ามาสิ่งแรกที่คุณอยากให้น้องตูบทำคือ
A. ช่วยมาออดอ้อน คลอเคลียฉันหน่อยสิ
B. เฝ้ามองดูฉันอยู่ใกล้ ๆ ก็พอ
C. ออกไปให้ห่างเลย เพราะฉันกำลังอารมณ์บ่จอย

3. คุณพาน้องตูบออกไปท่องเที่ยวด้วยบ่อยแค่ไหน
A. พาไปด้วยทุกที่ที่ฉันไป
B. เคย แต่ไม่บ่อย
C. ไม่เคย

4. หากน้องตูบส่งเสียงเห่า เอะอะ โวยวาย อย่างไม่มีเหตุผลคุณจะ
A. อุ้มเข้ามากอดแล้วค่อย ๆ ปลอบให้หยุด
B. ทำเสียงดัง ๆ เข้าไว้ เพื่อขู่ให้น้องตูบหยุดเห่า
C. ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ อย่างนี้ต้องลงโทษสักหน่อยแล้ว

5. วันนี้คุณเหนื่อยมาก ต้องการพักผ่อนเป็นที่สุด แต่จู่ ๆ เจ้าตูบเกิดคึกคักอยากเล่นขึ้นมาคุณจะ
A. ตอบโต้หยอกล้อกลับ เพื่อไม่ให้น้องตูบน้อยใจ
B. จับน้องตูปบไปขังในกรง เพื่อให้หยุดกวนก่อน
C. ออดอาการหงุดหงิด ทำโทษเพื่อให้น้องตูบหยุดเล่น

6. คุณให้น้องตูบนอนในบริเวณใดของบ้าน
A. ทั้งรักทั้งหลงแบบนี้ ก็ต้องนอนเตียงเดียวกันสิ
B. ให้นอนในบริเวณบ้าน
C. เป็นน้องตูบก็ต้องไปนอนเป็นยามหน้าบ้านสิ

7. เมื่อน้องตูบเบื่ออาหาร ปล่อยให้อาหารเหลือเต็มชามทุกครั้งที่คุณวางไว้ให้ คุณจะมีวิธีจัดการอย่างไร
A. รีบหาสาเหตุ และเปลี่ยนเป็นอาหารที่ถูกปากให้น้องตูบทันที
B. ทำโทษด้วยการนำอาหารไปเก็บและนำกลับมาวางใหม่จนกว่าน้องตูบจะยอมกิน
C. ไม่นำอาหารกลับมาวางให้น้องตูบอีกเลยจนกว่าน้องตูบจะร้องขอ






คำเฉลย
ตอบ A (มากที่สุด)
คุณเป็นผู้ปกครองที่สุดแสนจะใจดีในสายตาของน้องตูบเลยทีเดียว ต่อให้น้องตูบดื้อและซนแค่ไหน คุณก็พร้อมที่จะรับมือด้วยความเต็มใจอย่างไม่มีข้อแม้ แต่การเป็นคนในแบบกลุ่ม A ก็มีข้อเสียอยู่ตรงที่คุณไม่สามารถฝึกให้น้องตูบอยู่ภายใต้กฎ ระเบียบได้โดยง่าย ซึ่งสาเหตุก็มาจากความใจอ่อนของคุณเองทางที่ดีถ้าไม่อยากเลี้ยงน้องตูบ ให้(เสียหมา) คุณควรใจแข็งให้มากกว่านี้อีนิด รับรองว่าคุณจะเหนื่อยน้อยลงกับนิสัยเอาแต่ใจของน้องตูบอย่างแน่นอน

ตอบ B (มากที่สุด)
คุณเป็นสุดยอดผู้ปกครองของน้องตูบ ที่มีเหตุผล เรียกได้ว่าไม่ตึง ไม่หย่อน และที่สำคัญคุณสามารถควบคุมนำพาให้น้องตูบให้อยู่ภายใต้กฎระเบียบได้ โดยที่น้องตูบไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรืออึดอัด และพร้อมที่จะฟังคำสั่งคุณอย่างง่ายดาย (เหมือนลูกหมาในกำมือ) คนในกลุ่ม B เลี้ยงน้องตูบโดยใช้เหตุผลและหัวใจควบคู่กันไป

ตอบ C (มากที่สุด)
คุณเป็นผู้ปกครองที่แลดูดุดันในสายตาของน้องตูบ บางครั้งแค่น้องตูบเห็นหน้าคุณ ก็อาจเกิดอาการ(หางจุกก้น)เอาดื้อ ๆ ถึงขนาดไม่กล้าเข้าใกล้คุณเลยทีเดียว จะว่าไปแล้วข้อดีของคนกลุ่ม C คือ สามารถควบคุมน้องตูบจอมดื้อ และจัดระเบียบสังคมให้น้องตูบได้อยู่หมัดและเด็ดขาดเลยทีเดียว แต่หากคุณลองมองที่หัวใจของเขาจะรู้ว่าน้องตูบก็ต้องการ การเอาใจ และสายตาที่อ่อนโยน หากคุณลดความแข็งกร้าว และใช้เหตุผลบวกความใจเย็นลงอีกสักนิด รับรองว่าน้องตูบจะวิ่งเข้ามาคลอเคลียคุณ แทนการหลบเลี่ยงอย่างแน่นอน

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อาหารอันตราย สำหรับ สุนัข

อาหารอันตราย สำหรับ สุนัข

Chocolate ( Deadly )
เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Theobromine ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำ ให้การไหลเวียนของเลือดไปสู่สมอง อาจทำให้หัวใจวายได้ และเป็นสาเหตุของโรคอื่น ๆ ชอคโกแลตยิ่งดำ ยิ่งอันตราย ( เพราะสารพิษส่วนใหญ่มันอยู่ในโกโก้ milk chocolate มีสารพิษน้อยกว่า ) อาการของสุนัขคือ ฉี่บ่อย ท้องร่วง หัวใจเต้นแรง รุกรน ไม่อยู่นิ่ง กล้ามเนื้อเกร็ง สั่น จนถึงอาการโคม่า

Bones ( Dangerous to deadly )
เป็นอันตรายอาจทำให้เสียชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็น อย่างสุกหรืออย่างดิบ กระดูกของเล่นที่ทำสำหรับเป็นของเล่น สามารถที่จะ แตกย่อย สลาย ไม่มีคมเวลากลืนลงไป แต่กระดูกจริง ๆ ของสัตว์ต่าง ๆ เป็นจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ชิ้น ๆ เป็นอันตราย อาจทิ่มตำในช่องปาก รวมถึงระบบย่อยอาหาร ถ้าไปทำปัญหาให้ กับระบบทางเดินหายใจ จะหายใจไม่ออก อาจเสียชีวิตทันที พาไปพบหมอทันทีหากสังเกต เห็น มีอาการพยายามเอาอะไรออกจากปาก หายใจติดขัด หอบ พยายามจะอาเจียน ไอ

Liver ( Dangerous )
เนื่องจากตับมีไวตามิน A มาก มีประโยชน์ต่อสุนัข แต่ถ้าได้ รับในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้มีปัญหาเรื่องกระดูก ถ้าสุนัขได้รับไวตามิน A จาก อาหารเสริม ( supplements ) เพียงพอตามกำหนดแล้ว ไม่ควรให้ตับเพิ่มอีก

Raw meat and Pautry ( Deadly to dangerous )
เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก เป็ด ไก่ ที่ ยังไม่ได้ทำให้สุก มีแบคทีเรียที่ทำอันตรายถึงตายได้ จะมีอาการเป็นไข้ อ่อน เพลีย ติดต่อถึงสัตว์อื่นและคนได้

Raw eggs ( Dangerous )
ถึงแม้ไข่จะมีประโยชน์ทำให้ร่างกายสุนัขแข็งแรง แต่ให้ ระวังการให้ไข่ดิบ เนื่องจากในไข่ดิบมีแบคทีเรียบางตัวที่เป็นสาเหตุให้ขนร่วง อ่อนแอ โตช้า และมีปัญหากระดูก

Onion ( Dangerous )
หัวหอม มีฤทธิ์ทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้มีการนำ oxygen เข้าสู่ร่างกายสุนัขได้น้อยลง ไม่พอต่อความต้องการ ถึงแม้สุนัขจะได้กินเพียงแค่ 2 ชิ้นต่อ 1 อาทิตย์ ก็เป็นปริมาณเพียงพอที่จะทำให้สุนัขมีอาการ อ่อนแอ เพลีย น้ำหนักลด ซึม หัวใจเต้นเร็ว ( เรียกอาการที่เกิดจากกินหัวหอมว่า Heinz body hemolytic anemia

Milk ( Disagreeable )
ไม่ทุกตัวที่มีปัญหา ในนมจะมี Lactose ที่ในสุนัขบางตัว ไม่มีเอ็นไซม์ที่ช่วยย่อยได้ ถ้าสุนัขกินนม หรือผลิตภัณฑ์จากนมเช่น ไอศครีม โย เกิรต แล้วมีอาการท้องเสีย ,ขาดน้ำ , ระคายเคืองผิวหนัง ก็แสดงว่าสุนัขตัวนั้น ไม่มีเอ็นไซม์ช่วยย่อย จึงควรหยุดให้นมทันที

Pork ( Disagreeable )
เนื้อหมูส่วนใหญ่มีส่วนที่เป็นไขมันเยอะ ถ้าให้สุนัขกิน มากเกินไปอาจทำให้ไขมันไปอุดตันในเส้นเลือด ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมู โดยเฉพาเบคอน นอกจากจะมีไขมันเยอะแล้ว ยังมีสารโซเดียมไนเตรท อีกด้วย

Mushroom ( Disagreeable to Deadly )
เห็ดที่คนกินได้ ไม่เป็นอันตรายต่อสุนัข แต่ว่าถ้าหลีกเลี่ยงได้ ควรไม่ให้สุนัขกิน เพราะถ้าสุนัขเคยชินกับรสชาด และ กลิ่นของเห็ด เมื่อสุนัขออกไปเจอเห็ดมีพิษที่ขึ้นตามสนามหญ้า หรือสวนสาธารณะ ได้กลิ่นเห็ดที่คุ้นเคย อาจทำให้สุนัขกินเห็ดมีพิษได้

อ้างอิง จาก .. http://www.mylovegolden.net/board/viewtopic.php?t=950
ที่มา http://heyhaparty.blogspot.com/2007/11/blog-post_5636.html

ต่อมเหม็นของสุนัข หมา

ต่อมเหม็นหรือต่อมข้างทวารหนักคืออะไร


ต่อมข้างทวารหนัก หรือ Anal Sacs จะมีอยู่ 2 ข้าง ในตำแห่ง 9 นาฬิกาและ 3 นาฬิกา ข้างรูทวารหนัก ต่อมข้างทวารหนักจะทำหน้าที่ผลิตและเก็บกักของเหลวสี ออกเข้มๆ และมีกลิ่นที่แย่มากๆ ต่อมนี้จะมีช่องทางเล็กๆที่เชื่อมต่อกับทวารหนักซึ่ง ต่อมนี้ก็จะมีรูที่ปิดเอาไว้เพื่อเก็บกักของเหลวเอาไ ว้ อวัยวะนี้จะคล้ายๆกับต่อมเหม็นที่ตัวสกั๊งค์ผลิตกลิ่ นเฉพาะขึ้นมาเพื่อใช้ในการต่อสู้กับศัตรู
ความผิดปกติของต่อมข้างทวารหนัก

การที่จะเกิดโรคเกี่ยวกับต่อมข้างทวารหนัก จะมีอยู่ 3 ระดับของความรุนแรงของโรคนี้
1. เมื่อของงเหลวในต่อมนั้นเริ่มเปลี่ยนจากของเหลวมามาเ ป็นของเหลวที่ข้นขึ้นหรือบางทีก็แข็งตัว ในอาการของระดับนี้จะเรียกว่า Impaction หรือการอุดตัน
2.ขั้นนี้จะรุนแรงขึ้นกว่าขั้นแรก จะเรียกขั้นนี้ว่า Infection หรือการติดเชื้อ ซึ่งมาจากแบคทีเรียที่อยู่ในต่อมข้างทวารหนักทำให้เก ิดน้ำหนองขึ้นมา
3. เมื่อการติดเชื้อรุนแรงขึ้นทีให้ต่อมนั้นบวมและปริแต กออกมา ขั้นนี้จะเรียกว่า Abscess หรือเป็นฝี

การสังเกตว่าน้องหมามีปัญหาเกี่ยวกับต่อมข้างทวารหนั ก
1.น้องหมานั่งเอาก้นไถพื้นอยู่ตลอดเวลา
2.น้องหมาพยายามเลียทวารหนัก
3.ต่อมข้างก้นของน้องหมามีอาการบวม
4.สังเกตว่ามีเลือดไหลออกมา

การรักษาในระดับความรุนแรงต่างๆ
1. ถ้าเป็นแค่ระดับ Impaction ก็คือ บีบต่อมข้างทวารหนัก เพื่อให้ของเหลวที่อุดตันไหลออกมา
2. ถ้าเป็น Infection ต้องไปหาคุณหมอทานยาลดการอักเสบ
3. ถ้าเป็นฝีหรือ Abscess ก็ต้องมีการผ่าฝีออก
ก็ อย่างที่พี่บอกไว้ว่าต่อมนี้ไม่ได้สร้างกลิ่นตัวใน สุนัข เพราะต่อมนี้จะปล่อยกลิ่นเมื่อมีการต่อสู้เพื่อทำให้ ศัตรูกลัว แต่ก็มีความผิดปกติอยู่อย่างนึงที่เราอาจจะได้กลิ่นจ ากของเหลวที่ผลิตจากต่อมนี้ ซึ่งก็คือมาจากรูที่ปิดเชื่อมระหว่างต่อมนี้กับทวารห นัก นั้นปิดได้ไม่สนิท ก็ทำให้ของเหลวนั้นไหลออกมา ทำให้เกิดกลิ่น ซึ่งถ้าเกิดแบบนี้จริงๆ ไม่มีทางไหนรักษาหาย นอกจาก ผ่าตัดเอาต่อมข้างทวารหนักนั้นออก


โดย ปกติสุนัขและแมวทุกตัวจะมี " ต่อมเหม็น " หรือ " ต่อมข้างก้น " (anal gland) อยู่ภายในในก้น ของสุนัข ต่อมเหม็นนี้อยู่บริเวณข้างรูก้นของสุนัขในแนวเดียวก ันมี 2 ข้าง ซ้ายขวา ต่อมนี้มีหน้าที่สร้างสารคัดหลั่ง ที่เป็นสารชนิดหนึ่งซึ่งจะมีกลิ่นเฉพาะตัวของสุนัขตั วนั้นๆ โดยแต่ละตัวจะมีกลิ่นไม่ซ้ำกัน เป็นกลิ่นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราจะเห็นได้ว่า เมื่อเวลาสุนัขแปลกหน้าเจอกันนั้นจะดมก้นกัน ไม่ใช่เราทำทะลึ่งกันนะครับ หลายคนจะดุสุนัขตัวเองเมื่อไปดมก้นสุนัขตัวอื่นว่าเป ็น "หมาทะลึ่ง" แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นคือการที่เค้าตรวจสอบเอกลักษณ์ของเพื่อนใหม่ตัวน ั้นนั่นเอง




โดยปกติในต่อมเหม็นจะอยู่ในสภาพว่างเปล่า เพราะสารคัดหลั่งจะถูกแรงดันในการขับถ่ายกำจัดออกมา สารคัดหลั่งในต่อมเหม็นจะเป็นของเหลวสีน้ำตาลอ่อน บางครั้งอาจจะแข็งเป็นขี้ผึ้งสีเหลืองๆ ต่อมเหม็นจะถูกทำให้ว่างโดยการหดตัวของกล้ามเนื้อหูร ูดทวารหนัก การหดตัวจะเป็นไปโดยอัตโนมัติเมื่อสุนัขหงุดหงิด ตกใจ ภายใต้ภาวะกดดัน หรือออกนอกอาณาเขตของตนเอง การหดตัวของกล้ามเนื้อหูรูดเพื่อขับสารคัดหลั่งส่งกล ิ่นไม่ใช่การกระทำเพื่อแสดงอาณาเขตอย่างเดียว แต่เป็นการแพร่กระจายกลิ่นตัวของสุนัขด้วย

ภาวะอุดตันของต่อมเหม็น

สำหรับ สุนัขสายพันธุ์ที่มีปัญหาเรื่องต่อมเหม็นอุดตั นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น ชิวาวา มิเนียเจอร์พินเชอร์ และอิงลิชค็อกเกอร์ สแปเนียล แต่สามารถเกิดกับสุนัขได้ทุกสายพันธ์ โดยสาเหตุจะมาจากท้องผูก อุจจาระแข็ง ปากท่อต่อมเหม็นเล็ก ต่อมเหม็นทำงานเกินขนาด (คือ ภาวะตื่นเต้นตกใจทั้งวัน) หรือสารคัดหลั่งแข็งเหมือนแป้ง ภาวะอุดตันนี้รักษาโดยกำจัดสารอุดตันให้ต่อมเหม็นว่า งเปล่า

ต่อมเหม็นอักเสบ

เมื่อ มีภาวะอุดตันต่อมเหม็นก็จะอักเสบ วิธีการดูแลก็ คือ ทำความสะอาดกำจัดสิ่งอุดตันออกให้หมดต่อมเหม็น ตามวิธีการข้างบน แล้วเอายาครีมปฎิชีวนะบีบใส่เข้าไปในต่อมเหม็น เช่น ยา Panalog โดยยานี้จะมีหัวบีบแบบกาวตราช้าง ให้บีบยาใส่ให้เต็มต่อมเหม็น ทำแบบนี้ทุก 2 วันจนกว่าจะไม่มีเลือดหรือหนอง และควรให้ยาปฏิชีวนะพวกคลอแรม (chloromycetin) หรือเตตร้าไซคลิน (tetracycline) ด้วย

ต่อมเหม็น

เคล็ดลับในการพาสุนัขไปเที่ยวอย่างมีความสุข

เคล็ดลับ ในการพา สุนัข ไปเที่ยว อย่างมีความสุข

1. ห้อยป้ายชื่อ สุนัข ( พร้อม เบอร์โทรศัพท์ ของเจ้าของ สุนัข ) และป้ายการรับฉีด วัคซีน ไว้ที่ ปลอกคอ

2. ควรนำ ประวัติสุนัข ติดตัวไปด้วย

3. ควรใช้ สายจูง และ กรงที่ใช้อยู่เป็นประจำ

4. อย่าลืมสิ่งของ ส่วนตัวของเค้า เช่น ของเล่นชิ้นโปรด ที่นอน ผ้าห่ม สายจูง

5. นำสิ่งของเบ็ดเตล็ด เช่น ถุงเพื่อใส่สิ่งปฎิกูล น้ำยาปรับอากาศ น้ำยาทำความสะอาดพรมไปด้วย





6. อย่าลืม !!! อาหารโปรด ของ สุนัข

7. ก่อนออกเดินทาง 1-2 ชั่วโมง อย่าให้ สุนัข กินอาหาร เป็นอันขาด

8. ตรวจเช็ค ว่า รถโดยสาร หรือ รถไฟ ที่จะโดยสารไปนั้น อนุญาตให้นำ สุนัข โดยสาร ไปด้วยได้หรือไม่

9. หากต้อง เดินทางไปต่างประเทศ ควรศึกษา กฎระเบียบ ของประเทศนั้นให้ถี่ถ้วน

10. สิ่งสำคัญที่สุด !! อย่าลืม ติดรูปถ่าย ปัจจุบัน ของ สุนัข ไปด้วย ( เผื่อไว้ในกรณี ที่ สุนัข เกิด พลัดหลง สูญหาย )

ด้วยความปราถนาดีจาก Dogazine

ใบPEDIGREE เพ็ดดีกรี คืออะไร

>>>>>> ใบเพ็ด ใบเพ็ด หรือใบ เพ็ดดีกรี (Pedigree) นั่นเองมันเป็นใบพันธุ์ประวัติ

ที่มีการบัญทึกประวัติของสุนัขตัวนั้นว่ามี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของสุนัขตัวนั้น ชื่ออะไร

ซึ่งทางซ้ายมือสุดคือ ชื่อของพ่อ-แม่ และไล่ไปทางขวามือตามลำดับ

ใบ pedigree ที่เห็นกันทั่วๆ ไปจะมี 3 ช่วงอายุ (generation) และ 4 ช่วงอายุ ซึ่ง 4 ช่วงอายุนั้นจะบอกถึงบรรพบุรุษ

สายตัวพ่อ(เพศผู้) จำนวนรวม 15 ตัว เรียกว่าสายบน และ

บรรพบุรุษสายตัวแม่(เพศเมีย) จำนวนรวม 15 ตัวเรียกว่าสายล่าง

รวมแล้วจะมีชื่อสุนัขที่ปรากฏอยู่ในใบพันธุ์ประวัติทั้งหมด 30 ตัว ใน 4 ช่วงอายุ

แล้วเจ้าใบนี้ มันสำคัญยังไงละ??

เจ้าใบ pedigree มีความสำคัญในการพัฒนาสายพันธุ์สุนัข เจ้าใบนี้มันจะบอกเราว่า สุนัขตัวนี้เป็นลูกใคร

เกิดจากการผสมแบบไหน ผสมสายเลือดชิด การผสมในสายเลือด หรือการผสมข้ามสายเลือด

ซึ่งใบเพ็ดไม่ได้จะเป็นการแสดงว่าเจ้าหมาตัวนั้นดีหรือไม่มี การที่จะรู้ว่าดีไม่ได้ มันก็อยู่ที่การเลือกซื้อสุนัข

ตัวรูปร่างหน้าตา นิสัย ความปกติของร่ายกาย ฯลฯ
________________________________________________________

ขั้นตอนการขอใบ

1. ต้องเป็นสมาชิคของสมาคมหรือว่าคอกได้จดทะเบียนกับสมา คมผู้เลี้ยงสุนัขรึยัง ในประเทศไทยก็มีสมาคมที่ได้การยอมรับจาก FCI ซึ่งเค้าเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ สมาคอมนั้นก็คือ สมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข (ประเทศไทย)

2. ต่อมาดูแม่พันธุ์ได้จดทะเบียนไว้รึยัง หรือมีใบ Pedigree มั๊ย ถ้าหากไม่มีก็ไปจดทะเบียนแม่พันธุ์ก่อน ซึ่งจะได้เป็นสุนัขประเภท No Record ได้ ซึ่งหากเป็นแบนี้ ในใบ Pedigree จะปรากฏเฉพาะชื่อแม่พันธุ์อย่างเดียวจะไม่มีชื่อพ่อแ ม่หรือปู่ย่าตาทวด เพราะว่าไม่ได้มีการแจ้งบันทึกไว้ก่อน

แต่ถ้าสุนัขของเคยจดทะเบียนแล้ว ต้องมีชื่อในทะเบียนเป็นเจ้าของสุนัขถ้าซื้อต่อเขามา ต้องให้เจ้าของเดิมเซ็นสลักหลังโอนให้ด้วยจึงจะถือว่ า คุณเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์

สำหรับใบ Pedigree ถ้ามีใบ Pedigree ที่รับรองโดยสมาคมพัฒนาฯแล้วก็นำมาใช้ได้เลยแต่ถ้าเป ็นของสถาบันอื่น
ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก FCI ก็นำมาใช้ไม่ได้ ต้องออกใหม่ในรูปของ NO Record เช่นกัน

สำหรับผู้นำเอาสุนัข มาจากต่างประเทศและมีใบ Pedigree ประเภท Export และเป็น Pedigree ที่ได้รับการรับรองจาก FCI ก็นำมาจดทะเบียนได้เลยเช่นเดียวกัน

3. ขั้นตอนต่อไป คือ เมื่อนำสุนัขไปผสมกับพ่อพันธุ์ก็ต้องขอดูใบทะเบียนแล ะ Pedigree จากเจ้าของพ่อพันธุ์ให้แน่ใจว่า
มีเอกสารถูกต้องสมบูรณ์และผู้รับผสมเป็นผู้มีสิทธิ์เ ป็นเจ้าของพ่อพันธุ์หรือไม่ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง ตามกฎของสมาคมฯถือว่าเจ้าของแม่พันธุ์เป็นผู้ผสมพันธ ุ์หรือ Breeder ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่เจ้าของแม่พันธุ์ ที่จะแจ้งผสมพันธุ์และจดทะเบียนครอกตามแบบฟอร์มที่สม าคมกำหนดซึ่งการนำแม่พันธุ์ไปผสมอย่าลืมนำแบบฟอร์มนี ้ไป ให้เจ้าของพ่อพันธุ์เซ็นชื่อรับรองด้วย เสร็จแล้วก็นำแบบฟอร์มไปยื่นกับสมาคมฯตามขั้นตอนและเ งื่อนเวลาดังนี้


1. ต้องแจ้งผสมพันธุ์ภายใน 15 วัน หลังจากวันผสม

2. ต้องแจ้งเกิดลูกสุนัขภายใน 15 วัน หลังลูกสุนัขคลอด

3. หลังจากแจ้งเกิดแล้วภายในไม่เกิน 45 วันให้ติดต่อรับใบทะเบียนครอก
(LITTER REGISTRATION) และหมายเลขทะเบียนตัว (REGISTER NUMBER)
พร้อมนำกลับไปตั้งชื่อสุนัข (โดยเสียค่าใช้จ่ายต่อตัวละ 50 บาท)

4. หลังจากตั้งชื่อสุนัขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้นำใบทะเบียนครอก
(LITTER REGISTRATION) มาขึ้นทะเบียนที่สมาคมฯ เพื่อขอรับใบรับรองทะเบียน
ตัวสุนัข (REGISTRATION CERTIFICATE) (โดยเสียค่าใช้จ่ายต่อตัวละ 100 บาท)
ภายในระยะไม่เกิน 6 เดือน

5. หากเจ้าของสุนัขต้องการใบรับรองพันธุ์ประวัติ (CERTIFIED PEDIGREE) 3 ชั่วอายุ
สุนัข ให้แจ้งความประสงค์ กับทางสมาคมฯ (โดยเสียค่าใช้จ่ายต่อตัวละ 100 บาท/ฉบับ)
ทีนี้ก็ทราบถึงวิธีการและขั้นตอนต่างๆแล้วนะครับ แต่ที่สำคัญอย่าลืมว่าการจะเพาะพันธุ์
สุนัขให้ได้ดีอยู่ที่การวางแผนการผสมพันธุ์โดยการคัด เลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ดี การดูแล
สุขภาพทั้งก่อนและหลังการผสม ให้การดูแลลูกสุนัขให้เติบโตสมวัยเพื่อจะได้มีประชาก ร
สุนัข ที่มีคุณภาพต่อไป
________________________________________________________

จดพันธ์ประวัติ (PEDEEGREE) ออกโดยสมาคมพันธ์สุนัขแห่งประเทสไทย ชื่อย่อ KC

สถานที่สำนักงานใหญ่ 9/338 ซอย กม.25 ถ.พหลโยธิน เขตสายไหม กทม.10220

โทร 02-9903618 02-9903428-9 โทรสาร 02-9903619

ต้องสมัครเป็นสมาชิกค่าธรรมเนียมปีละ 200 บาท ต้องต่อทุกปี ถ้าไม่ต่อจะถือว่าขาดจากการเป็นสมาชิก

หลักฐานครั้งแรก สำเนาบัตรประชาชนพร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง 1 ชุด

การโอนเปลี่ยนเจ้าของ 100 บาท

การแจ้งผสม ภายใน 15 วันไม่เสียค่าธรรมเนียม

ค่าแจ้งเกิดลูกสุนัข 50 บาท/ตัว

ค่าธรรมเนียมใบทะเบียนตัว 100 บาท

ค่าธรรมเนียมพันธ์ประวัติ 3 ชั่วอายุ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย (PEDEEGREE) ตัวละ 100 บาท

ค่าธรรมเนียมพันธ์ประวัติ 4 ชั่วอายุ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด (PEDEEGREE) ตัวละ 150 บาท

ใบทะเบียนตัว (Registration Certificate)

สิทธิในการเป็นเจ้าของสุนัขที่แท้จริง ทางสมาคมฯจะยึดถึงใบทะเบียนตัว (Registration Certificate) เป็นหลัก

เสียค่าใช้จ่ายตัวละ 100 บาท ยื่นสมาคมฯ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน

ลักษณะใบเล็กยาว ที่สมาคมเวลาออกให้จะถามว่าเอาใบเล็กหรือใบใหญ่

ลายเซ็นเจ้าของสุนัข สมาคมฯ จะยึดถือลายเซ็นที่ให้ไว้กับสมาคมเป็นสำคัญ

ด้านหลังจะเป็นการเซ็นเปลี่ยนโอนเจ้าของใหม่

ให้ เจ้าของเก่าเซ็นโอนด้านหลังของใบร้บรองทะเบียนตัว และเจ้าของมายื่นแสดงการเปลี่ยนเจ้าของต่อไป เสียค่าใช้จ่ายต่อตัวละ 100 บาท

จดพันธ์ประวัติ (PEDEEGREE)

ค่าธรรมเนียมพันธ์ประวัติ 3 ชั่วอายุ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย (PEDEEGREE) ตัวละ 100 บาท

ค่าธรรมเนียมพันธ์ประวัติ 4 ชั่วอายุ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด (PEDEEGREE) ตัวละ 150 บาท

ใบแจ้งผสมพันธ์

ต้องแจ้งผสมพันธ์ ภายใน 15 วันไม่เสียค่าธรรมเนียม พอกรอกแบบฟอร์มแล้วก็ไปยื่น

พอ ลูกสุนัขเกิด ก็ไปแจ้งการเกิดและแจ้งชื่อลูกสุนัข ค่าแจ้งเกิดลูกสุนัข 50 บาท/ตัว ต้องเตรียมตั้งชื่อไว้ก่อน แล้วไปแจ้งโดยกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มอีกครั้ง

พันธ์ประวัติ (PEDEEGREE) ถ้านอกเหนือจากที่สมาคมออกให้ เป็นการทำใบฯ ขึ้นมาเอง มีอยู่หลายที่ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับ ่บางแห่งก็ทำปลอมขึ้นมา บางแห่งก็นำลูกสุนัขมาสวมใบแพ็ด จะเป็นการยากสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงค่ะ ใบแพ็ดที่แท้จริงออกโดยสมาคมจะมีรูปแบบตามที่นำมาลงให้ดูน่ะค่ะ เคยถามทางสมาคมก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการเอาผิดกับคนพวกนั้น เวลาไปซื้อขอทางเจ้าของดูใบฯ ของพ่อแม่ของลูกสุนัข จะทำให้รู้ได้ว่าใบฯ จากสมาคมหรือเปล่า ถ้ามีใบแพดฯ ก็จะทำให้ทราบประวัติสุนัข พ่อ แม่ ปู่ย่าตายาย เป็นใคร บางทีถ้าไปผสม จะได้รู้ว่าไม่ได้เป็นสายเลือดใกล้ชิด เหมือนคนที่มีใบทะเบียนบ้าน