ใบเพ็ดดิกรี หรือใบรับรองพันธุ์ประวัติ (Certificate Pedigree) จะบอกถึงบรรพบุรุษ (พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด) ซึ่งแสดงถึงคุณภาพของลูกสุนัข ที่ได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรม ลักษณะเด่น ด้อย มาจากบรรพบุรุษมากน้อยเพียงใด ดังนั้น เราจึงใช้ใบพันธุ์ประวัติเป็นข้อมูล หรือแนวทางการวางแผนที่จะผสมพันธุ์สุนัข
สำหรับใบเพ็ดดิกรีปลอม เป็นอุปสรรค์ในการวางแผนที่จะผสมพันธุ์สุนัข เพราะเราไม่รู้สายพันธุ์ว่ามาจากพ่อ-แม่ ตัวไหน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การผสมพันธุ์สุนัขที่เรานิยมทำกัน คือพิจารณาคัดเลือกพ่อพันธุ์ที่เราชอบ และมีลักษณะเด่นบางอย่าง ที่สามารถแก้ไขลักษณะด้อยของแม่พันธุ์ เพื่อถ่ายถอดลักษณะที่ดีมาสู่ลูกสุนัข บางครั้งจำเป็นต้องศึกษาพันธุ์ประวัติประกอบกันด้วย
ใบพันธุ์ประวัติ ( PEDIGREE ) ที่ได้รับการรับรอง
ตัวอย่างเช่น
# ใบ EXPORT PEDIGREE (เอ็กซ์พอร์ทเพดดิกรี) ของประเทศที่เป็นสมาชิก F.C.I. , K.C. (อังกฤษ) , A.N.K.C. (ออสเตรเลีย) , N.Z.K.C. (นิวซีแลนด์) , A.K.C. (สหรัฐอเมริกา) เป็นต้น
# ใบ CERTIFIED PEDIGREE (ใบรับรองพันธุ์ประวัติ) ของสมาคมผู้นิยมสุนัขแห่งประเทศไทย (D.A.T.)
# ใบ CERTIFIED PEDIGREE (ใบรับรองพันธุ์ประวัติ) ของสมาคมพัฒนาพันธ์สุนัข (ประเทศไทย) (K.C.T.)
ทำไมถึงเรียกว่าใบเพ็ดดิกรีปลอม และปลอมกันอย่างไร
1. ใบเพ็ดดิกรี ที่ทำขึ้นมาเอง หรือทำเลียนแบบ พิมพ์ขึ้นมาเอง โดยไม่ได้รับการรับรองจากสมาคมต่างๆ เช่น ใบเพ็ดดิกรีที่ออกให้โดยทางร้านขายสุนัข, ออกให้โดยฟาร์มสุนัข เป็นต้น
2. ใบเพ็ดดิกรี ที่สวมลอย คือ การนำเอาใบเพ็ดดิกรีที่ได้รับการรับรอง มาให้ แต่สุนัขไม่ได้เกิดจากพ่อแม่พันธุ์ที่ระบุไว้ในใบเพ็ดฯ ดังนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการปลอมหรือหลอกลวง การตรวจสอบทำได้โดยการตรวจ DNA พ่อ-แม่ มาเทียบกับลูก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง
ใบเพ็ดดิกรี จะสำคัญหรือไม่ อยู่ที่การนำไปใช้ประโยชน์ และอยู่ที่ความพึ่งพอใจของคุณ เป็นข้อกำหนดตกลงที่เกิดขึ้นมา โดยมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจการค้า ด้านสังคม ความเชิดหน้าชูตา
ส่วนให่ญจะเข้าใจว่าสุนัขที่มีเพ็ดดีกรี เป็นสุนัขที่ดีเลิศ มีสกุลรุนชาติ ที่แท้จริงแล้วเพ็ดดีกรีคือเอกสารบันทึกที่มาแห่งต้นตระกูลของส ุนัขพันธุ์แท้ โดยทั่วไปจะแสดงไว้3ชว่งอายุ
ประโยชน์ของเพ็ดดีกรีคือ
-เพื่อประโยชน์ในการศึกษาที่มาแห่งสายพันธุ์สุนัข
-เพื่อประโยชน์ในการเลือกคู่ให้สุนัข
-เพื่อพิสูจน์ความสามารถในการถ่ายทอดสายเลือดของพ่อพันธุ์แม่พั นธุ์
-เพื่อป้องกันการผสมพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการทำลายสายพันธุ์หรือกา รเสื่อมของสายเลือด
-เพื่อพิสูจน์ความสามารถและความตั้งใจของผู้ผสมพันธุ์(BREEDER)
เพ็ดดีกรี แบ่งออกเป็น 3ชนิด
1.UNCERTIFIED PEDIGREE เพ็ดดีกรีประเภทนี้เป็นเพ็ดดีกรีที่ผู้ผสมพันธุ์(BREEDER) ; ; เป็นผู้ออกให้ผู้ซื้อ ทราบที่มาของบรรพบุรุษของสุนัขตัวนั้นๆ โดยเพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นการรับรองกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายเท ่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงเพื่อการรับรองโดยสมาคมฯได้
2.CERTIFIED PEDIGREE เพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นเพ็ดดีกรีที่ออกโดยสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข( ประเทศไทย) ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากบรรดาสมาชิกทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเพ็ดดีกรีชนิดนี้ เป็นการรับรองระหว่างสมาคมฯกับสมาชิก นอกจากนี้เพ็ดดีกรีชนิดนี้ทางสมาคมฯได้แบ่งแยกออกเป็น2ประเภทคื อ
2.1 COMPLETE PEDIGREE หรือที่หลายๆท่านเรียกว่า เพ็ดดีกรีเต็มใบ เพ็ดดีกรีชนิดนี้จะระบุบรรพบุรุษของสุนัขทั้งสายพ่อและสายแม่ เต็ม 3ชว่งอายุ ขณะนี้ทางสมาคมฯได้ใช้เพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นสี มว่งออ่น และมีสัญญลักษณ์ของสมาคมฯ, A.K.U. และ F.C.I.อยู่ในเพ็ดดีกรี
2.2 INCOMPLETE PEDIGREE หรือ UNCOMPLETE PEDIGREE หรือที่หลายๆท่านเรียกว่า เพ็ดดีกรีครึ่งใบ เพ็ดดีกรีชนิดนี้จะระบุบรรพบุรุษของสุนัขที่เป็นสายพ่อสายแม่ไม ่ครบ 3ชว่งอายุ หรือสายพ่อครบ 3ชว่งอายุแต่สายแม่ไม่ครบ 3ชว่งอายุ หรือสายพ่อไม่ครบ 3ชว่งอายุแต่สายแม่ครบ 3ชว่งอายุ โดยทางสมาคมฯจะใช้เพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นสี เขียวออ่น และมีเพียงสัญญลักษณ์ของสมาคมฯอยู่ในเพ็ดดีกรีเพียงอย่างเดียว
3.CERTIFIED EXPORT PEDIGREE เพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นเพ็ดดีกรีที่ทางสมาคมฯออกให้ เพื่อการส่งออกสุนัขไปยังต่างประเทศ(สุนัขที่มีบรรพบุรุษไม่ครบ 3ชว่งอายุทางสมาคมฯจะไม่ออกให้) โดยเพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นการรับรองระหว่างสมาคมฯ(ในประเทศ)ต่อสม าคมฯ(ต่างประเทศ) ซึ่งสมาคมทั้งสองต้องเป็นสมาชิกรว่มองค์กรเช่น F.C.I หรือ A.K.U. หรือต่างองค์กรกันแต่มีศักยภาพ เช่น A.K.C.,K.U.,A.N.K.C.เป็นต้น แต่ในบางประเทศเช่น A.K.C.,A.N.K.C. ใช้CERTIFIED PEDIGREEและ EXPORT PEDIGREE เป็นใบเดียวกัน
การซื้อหรือการรับโอนสุนัขที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคมฯ
ผู้ซื้อหรือผู้รับโอนจะต้องขอใบ REGISTARTION CERTIFICATE(ใบทะเบียนตัว)จากผู้ขายหรือผู้โอนดว้ย หากไม่มีใบทะเบียนตัวนี้ผู้ซื้อหรือผู้รับโอนจะไปขอโอนสุนัขตัว นั้นเป็นของตนเองต่อสมาคมฯไม่ได้ การรับโอนสุนัขจะต้องเสียค่าทำเนียมในการโอน 100บาทต่อตัว
การซื้อสุนัขจากต่างประเทศ
ถ้าผู้ซื้อต้องการนำสุนัขตัวนั้นมาขึ้ นทะเบียนต่อสมาคมฯ จะต้องนำEXPORT PEDIGREE หรือ REGISTRATION CERTIFICATE และCERTIFIED PEDIGREE ของสุนัขตัวนั้นที่ออกโดนสมาคมฯจากต่างประเทศ ไปขอขึ้นทะเบียนตัวต่อสมาคมฯได้ โดยเสียค่าทำเนียมในการขึ้นทะเบียน 100บาทต่อตัว
สำหรับสุนัขที่ไม่มีประวัติพ่อแม่ และสุนัขนั้นเป็นสุนัขพันธุ์แท้ ถ้าต้องการจะนำไปขึ้นทะเบียนตัวต่อสมาคมฯ ทางสมาคมฯจะขึ้นทะเบียนประเภท NORECORDสุนัขประเภทนี้จะไม่มีเพ็ดดีกรี ผู้ที่จะขอขึ้นทะเบียนสุนัขประเภทNORECORDให้นำภาพถ่ายสุนัข ด้านหน้า และดานข้างเต็มตัว อย่างละภาพไปขอขึ้นทะเบียน โดยเสียค่าทำเนียม 100 บาทต่อตัว
ผู้ที่ต้องการรับโอ นสุนัข ขึ้นทะเบียนตัวสุนัข จะต้องสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมฯแล้วจึงมีสิทธิ์ดำเนินการได้โดย เสียค่าบำรุงสมาคมฯประเภทสมาชิกสมทบ ค่าบำรุงปีละ200บาท
ใบเพ็ดดิกรี หรือใบรับรองพันธุ์ประวัติ(Certificate Pedigree)
จะบอกถึงบรรพบุรุษ (พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด) ซึ่งแสดงถึงคุณภาพของลูกสุนัข ที่ได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรม ลักษณะเด่น ด้อย มาจากบรรพบุรุษมากน้อยเพียงใด ดังนั้น เราจึงใช้ใบพันธุ์ประวัติเป็นข้อมูล หรือแนวทางการวางแผนที่จะผสมพันธุ์สุนัข
สำหรับใบเพ็ดดิกรีปลอม เป็นอุปสรรค์ในการวางแผนที่จะผสมพันธุ์สุนัข เพราะเราไม่รู้สายพันธุ์ว่ามาจากพ่อ-แม่ ตัวไหน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การผสมพันธุ์สุนัขที่เรานิยมทำกัน คือพิจารณาคัดเลือกพ่อพันธุ์ที่เราชอบ และมีลักษณะเด่นบางอย่าง ที่สามารถแก้ไขลักษณะด้อยของแม่พันธุ์ เพื่อถ่ายถอดลักษณะที่ดีมาสู่ลูกสุนัข บางครั้งจำเป็นต้องศึกษาพันธุ์ประวัติประกอบกันด้วย
ใบพันธุ์ประวัติ ( PEDIGREE ) ที่ได้รับการรับรอง
ตัวอย่างเช่น
# ใบ EXPORT PEDIGREE (เอ็กซ์พอร์ทเพดดิกรี) ของประเทศที่เป็นสมาชิก F.C.I. , K.C. (อังกฤษ) , A.N.K.C. (ออสเตรเลีย) , N.Z.K.C. (นิวซีแลนด์) , A.K.C. (สหรัฐอเมริกา) เป็นต้น
# ใบ CERTIFIED PEDIGREE (ใบรับรองพันธุ์ประวัติ) ของสมาคมผู้นิยมสุนัขแห่งประเทศไทย (D.A.T.)
# ใบ CERTIFIED PEDIGREE (ใบรับรองพันธุ์ประวัติ) ของสมาคมพัฒนาพันธ์สุนัข (ประเทศไทย) (K.C.T.)
เพ็ดดีกรี แบ่งออกเป็น 3ชนิด
1.UNCERTIFIED PEDIGREE เพ็ดดีกรีประเภทนี้เป็นเพ็ดดีกรีที่ผู้ผสมพันธุ์(BREEDER) ; ; เป็นผู้ออกให้ผู้ซื้อ ทราบที่มาของบรรพบุรุษของสุนัขตัวนั้นๆ โดยเพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นการรับรองกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายเท ่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงเพื่อการรับรองโดยสมาคมฯได้
2.CERTIFIED PEDIGREE เพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นเพ็ดดีกรีที่ออกโดยสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข( ประเทศไทย) ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากบรรดาสมาชิกทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเพ็ดดีกรีชนิดนี้ เป็นการรับรองระหว่างสมาคมฯกับสมาชิก นอกจากนี้เพ็ดดีกรีชนิดนี้ทางสมาคมฯได้แบ่งแยกออกเป็น2ประเภทคื อ
2.1 COMPLETE PEDIGREE หรือที่หลายๆท่านเรียกว่า เพ็ดดีกรีเต็มใบ เพ็ดดีกรีชนิดนี้จะระบุบรรพบุรุษของสุนัขทั้งสายพ่อและสายแม่ เต็ม 3ชว่งอายุ ขณะนี้ทางสมาคมฯได้ใช้เพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นสี มว่งออ่น และมีสัญญลักษณ์ของสมาคมฯ, A.K.U. และ F.C.I.อยู่ในเพ็ดดีกรี
2.2 INCOMPLETE PEDIGREE หรือ UNCOMPLETE PEDIGREE หรือที่หลายๆท่านเรียกว่า เพ็ดดีกรีครึ่งใบ เพ็ดดีกรีชนิดนี้จะระบุบรรพบุรุษของสุนัขที่เป็นสายพ่อสายแม่ไม ่ครบ 3ชว่งอายุ หรือสายพ่อครบ 3ชว่งอายุแต่สายแม่ไม่ครบ 3ชว่งอายุ หรือสายพ่อไม่ครบ 3ชว่งอายุแต่สายแม่ครบ 3ชว่งอายุ โดยทางสมาคมฯจะใช้เพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นสี เขียวออ่น และมีเพียงสัญญลักษณ์ของสมาคมฯอยู่ในเพ็ดดีกรีเพียงอย่างเดียว
3.CERTIFIED EXPORT PEDIGREE เพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นเพ็ดดีกรีที่ทางสมาคมฯออกให้ เพื่อการส่งออกสุนัขไปยังต่างประเทศ(สุนัขที่มีบรรพบุรุษไม่ครบ 3ชว่งอายุทางสมาคมฯจะไม่ออกให้) โดยเพ็ดดีกรีชนิดนี้เป็นการรับรองระหว่างสมาคมฯ(ในประเทศ)ต่อสม าคมฯ(ต่างประเทศ) ซึ่งสมาคมทั้งสองต้องเป็นสมาชิกรว่มองค์กรเช่น F.C.I หรือ A.K.U. หรือต่างองค์กรกันแต่มีศักยภาพ เช่น A.K.C.,K.U.,A.N.K.C.เป็นต้น แต่ในบางประเทศเช่น A.K.C.,A.N.K.C. ใช้CERTIFIED PEDIGREEและ EXPORT PEDIGREE เป็นใบเดียวกัน
ใบเพ็ดดีกรีบอกอะไรเราบ้าง
1.ชื่อตัวสุนัข,ชื่อคอกของผู้ผสมพันธุ์ ,ชื่อผู้ผสมพันธุ์
2.เพศ,ลักษณะขน,สีลวดลายต่างๆ
3.วันเดือนปีเกิด,เลขทะเบียนประจำตัวสุนัข,เลขสักเบอร์หู,การฝังเบอร์ไมโครชิป
4.รายชื่อบรรพบุรุษทั้งสายพ่อ และสายแม่
5.ประวัติการได้รับรางวัลสูงสุด
ใบ pedigree คือการบันทึกชื่อ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของสุนัขตัวนั้น ซึ่งทางซ้ายมือสุดคือ ชื่อของพ่อ-แม่ และไล่ไปทางขวามือตามลำดับ ใบ pedigree ที่เห็นกันทั่ว ๆ ไป จะมี 3 ช่วงอายุ (generation) และ 4 ช่วงอายุ ซึ่ง 4 ช่วงอายุนั้นจะบอกถึงบรรพบุรุษสายตัวพ่อ(เพศผู้)จำนวนรวม 15 ตัว เรียกว่าสายบน และบรรพบุรุษสายตัวแม่(เพศเมีย) จำนวนรวม 15 ตัว เรียกว่าสายล่างรวมแล้วจะมีชื่อสุนัขที่ปรากฏอยูในใบพันธุ์ประวัติทั้งหมด 30 ตัว ใน 4 ช่วงอายุ
ใบ pedigree มีความสำคัญอย่างไร ใบ pedigree นั้นจะสำคัญมาก ในการพัฒนาสายพันธุ์สุนัข เพราะจะเป็นสิ่งบอกเราได้ว่าสุนัขตัวนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร เกิดจากากรผสมแบบใด (ผสมสายเลือดชิด การผสมในสายเลือด หรือการผสมข้ามสายเลือด) แต่การพิจารณาที่ใบ pedigree เพียงอย่างเดียวไม่ได้หมายความว่าสุนัขที่ดีมีคุณภาพในใบ pedigree จะถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาสู่ตัวลูกสุนัขได้ จึงควรพิจารณาถึงปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ตัวสุนัข และความสามารถในการถ่ายทอดของสุนัข อย่างไรก็ตามถ้าเราเป็นเพียงแค่ผู้รักสุนัขที่ต้องการเลี้ยงเพื่อเป็นพื่อ นคลายเหงา โดยไม่มีความรู้ในการพัฒนาสายพันธุ์ ไม่ใช่นักเพาะพันธุ์ หรือไม่รู้ถึงความสามารถในการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของตัวสุนัขแต่ละตัวในใบ pedigree แล้ว ใบ pedigree นั้นก็จะเป็นแค่กระดาษธรรมดา ไม่มีความหมายอะไรเลย เพียงแค่จะได้ทราบว่าลูกสุนัขตัวนั้นได้รับการจดทะเบียนถูก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น